ผ้าภูอัคนี
ผ้าภูอัคนี หรือ ผ้าย้อมดินภูเขาไฟ หมู่บ้านเจริญสุข เกิดจากภูมิปัญญาชาวบ้าน ที่ได้นำวัตถุดิบจากธรรมชาติ ที่หาได้ในท้องถิ่น มาประยุกต์ใช้ โดยเป็นกรรมวิธีในการย้อมสีผ้าให้ออกมามีสีสวยงามอย่างมีเอกลักษณ์ ด้วยการนำผ้า ฝ้ายหรือผ้าไหม ไปย้อมกับ ดินภูเขาไฟ หนึ่งในวัตถุดิบสำคัญที่หาได้ไม่ยากเพราะหมู่บ้านเจริญสุขนั้น ตั้งอยู่ใกล้กับ “เขาพระอังคาร” ซึ่งเป็นภูเขาไฟเก่าแก่ที่ดับ แล้ว 1 ใน 6 ลูกของจังหวัดบุรีรัมย์ ดินบริเวณนี้จึงอุดม ด้วยแร่ธาตุจากลาวาภูเขาไฟที่ปะทุออกมาในอดีต ซึ่งนอกจากเป็นประโยชน์ ในการเพาะปลูกแล้ว ชาวบ้านเจริญสุขยังคิดค้นวิธีการนำดินเหล่านี้มาใช้ย้อมผ้าอีกด้วย จากการค้นพบทรัพย์จากผืนดิน ถูกนำมา ผสมผสานภูมิปัญญาของบรรพบุรุษ จนกลายเป็นผลิตภัณฑ์สร้างชื่อ มีเอกลักษณ์ด้านสิ่งทอที่มีชื่อว่า ผ้าภูอัคนี ที่ผ่านการผสมผสาน จากผ้าฝ้ายสีขาว เปลี่ยนเป็นสีดินน้ำตาลอ่อนกับน้ำตาลแดง แบบดินภูเขาไฟ
ขั้นตอนการย้อมเริ่มต้นจากการนำดินภูเขาไฟ ใกล้ๆ กับเขาพระอังคารมา และนำมาคัดเศษผงที่เจือปนออก หลักจากนั้นก็นำไป ผสมกับน้ำในอัตราส่วน ดินภูเขาไฟ 3 กิโลกรัมต่อ น้ำเปล่า 10 ลิตร ก็จะได้น้ำดินภูเขาไฟที่มีสีน้ำตาล สำหรับขั้นตอนนี้หากอยาก ได้ผ้าสีเข้มก็ผสมน้ำให้น้อยลง หากอยากได้สีอ่อนก็ผสมน้ำให้มากขึ้น ขั้นตอนต่อไปคือ ขั้นตอนการย้อมสีผ้า โดยจะนำผ้าฝ้าย หรือผ้าไหมที่ต้องการย้อมสีและจะใช้ผ้าน้ำหนัก 1 กิโลกรัม ในการย้อมแต่ละครั้ง นำผ้าลงไปแช่ในน้ำดินภูเขาไฟที่เตรียมไว้ โดยจะใช้เวลาในการแช่ผ้าทิ้งไว้ประมาณ 8-10 ชั่วโมง ก็จะได้ผ้าสีน้ำตาลเย็นตา สีสันสวยงามตามที่ต้องการ หลักจากนั้นก็จะนำผ้า ที่ได้ไปล้างน้ำให้สะอาด แล้วนำไปตากที่ราวและยืดให้ตรงและหมู่บ้านเจริญสุขแห่งนี้ ก็ยังมีภูมิปัญญาที่จะรักษาสีผ้าให้คงทนด้วย เช่นกัน นั้นคือการนำผ้าที่ได้จากการย้อมดินภูเขาไฟไปต้มกับ “น้ำเปลือกต้นประดู่” ซึ่งก็เป็นอีกหนึ่งภูมิปัญญาชาวบ้าน ในการนำ วัตถุดิบที่หาได้จากท้องถิ่นมาใช้ให้เกิดประโยชน์ขั้นตอนการนำผ้าเเช่น้ำเปลือกประดู่ต้ม ให้ฟังอีกว่า “นำเปลือกต้นประดู่มาต้มในน้ำ ซึ่งน้ำต้มจะต้องร้อนแต่ไม่ให้เดือดจนเกินไป หลังจากนั้นนำผ้าที่ต้องการลงไปแช่ประมาณครึ่งชั่วโมง ขั้นตอนนี้จะเป็นการป้องกัน การตกสี อีกทั้งในน้ำเปลือกต้นประดู่ ก็ยังมียางและสีที่คล้ายกับสีดินภูเขาไฟ จึงเป็นการเคลือบสีไปในในตัว ผ้าที่ได้จึงเงางามยิ่งขึ้น และไม่ตกสี
ศูนย์เรียนรู้และทอผ้าในหมู่บ้าน
ผ้าภูอัคนี นำมาแปรรูปเป็นผ้าพันคอ และเสื้อผ้า หลากสีสวยงาม
ดินภูเขาไฟที่นำมาแช่ผ้า
น้ำเปลือกประดู่สำหรับต้มผ้าเพื่อให้สีคงทน
หลังจากย้อมสีแล้วนำผามาตากให้แห้ง
นำมาขึงแล้วปั่นเป็นหลอดด้ายเพื่อนำไปทอ
แม่บ้านสาธิตวิธีการทอผ้า
ที่พักแบบโฮมสเตย์ สะดวกสบาย
นับได้ว่าการทำผ้าภูอัคนี เป็นภูมิปัญญาชาวบ้านที่น่ามหัศจรรย์ ที่เกิดจากดินธรรมดา เเละได้กลับกลายมาเป็นสีสันงดงามอย่าง มีเอกลักษณ์ จนเป็นหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจของจังหวัดบุรีรัมย์ ในการซื้อกลับ ไปเป็นของฝากสำหรับคนที่บ้านหรือให้กับตนเอง ในการนำวัตถุดิบที่หาได้จากท้องถิ่นมาใช้ให้เกิดประโยชน์ แต่ไม่ควรเดือดจนเกินไปประมาณครึ่งชั่วโมง น้ำเปลือกต้นประดู่ซึ่งมี ยางและสีที่คล้ายกับสีดินภูเขาไฟ ก็จะเคลือบเป็นเนื้อเดียวกับตัวผ้าให้เงางามยิ่งขึ้น ก่อนจะนำไปแปรรูปถักทอเป็นผลิตภัณฑ์ หลาก หลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อ ผ้าพันคอ ผ้าคลุมไหล่ เป็นต้น โดยผนวกความเชื่อที่ว่า ภูเขาไฟอังคารนั้น เป็นภูเขาไฟที่มีความศักดิ์สิทธิ์ พิจารณาจากภูมิศาสตร์แล้ว มีรูปร่างคล้ายพญาครุฑนอนคว่ำหน้า และยังเป็นที่ตั้งของวัดเขาอังคาร ดังนั้นการนำดินมาใช้ใน กระบวนการผลิตจึงพ่วงด้วยความเชื่อและความเป็นสิริมงคลแก่ผู้สวมใส่เข้าไปด้วย
ปัจจุบันผ้าฝ้ายย้อมดินภูเขาไฟ หรือ ผ้าภูอัคนี ได้ผ่านการรับรองจากกระทรวงอุตสาหกรรม ว่า มีแห่งเดียวในจังหวัดบุรีรัมย์ และยังได้รับเลือกให้เป็น หมู่บ้าน OVC หรือ OTOP Village Champion ที่ได้รับการสนับสนุนจาก กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย อีกด้วย โดยทางกลุ่มได้มีการพัฒนารูปแบบบรรจุภัณฑ์ที่สวยงามเป็นเอกลักษณ์ เหมาะสำหรับนำไปใช้และ เป็นของฝาก ซึ่งลูกค้าจะมีทั้งนักท่องเที่ยว ข้าราชการ และประชาชนทั่วไป ทาง กลุ่มสตรีทอผ้าไหม-ผ้าฝ้าย ในหมู่บ้านเจริญสุข ยังเปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยว สามารถเข้ามาเยี่ยมชม ในรูปแบบการท่องเที่ยวเชิงเรียนรู้วัฒนธรรม และวิถีชุมชน เพื่อทำความรู้จักกับ กระบวนการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์เด่นประจำท้องถิ่นในทุกขั้นตอน เพื่อสืบสานวัฒนธรรม สร้างความโดดเด่นและเป็นการสื่อสาร เรื่องราวที่มีคุณค่าอีกหนึ่งภูมิปัญญาไทย ที่ควรค่าแก่การรักษาให้คงอยู่อย่างยั่งยืน ส่วนผู้ที่สนใจแวะชม ผ้าภูอัคนี สามารถติดต่อได้ที่ กลุ่มสตรีทอผ้าไหม-ผ้าฝ้าย หมู่บ้านเจริญสุข
มีที่มา สวยครับ
ตอบลบอยากไป
ตอบลบอยากไปเที่ยวจัง
ตอบลบ